...จบเกมส์การแข่งขันไปสำหรับขุนตาลดาร์บี้แม็ท ศึกที่ทุกคนรอคอยในการที่จะสะสางบัญชีปีที่แล้วที่เราต้องพ่ายไปกลับให้กับ ลำปาง เอฟซี บรรยากาศก่อนเกมส์นั้นยอดเยี่ยมมาก สาวกโคขาวยังยกพลกันไปให้กำลังใจทีมรักแน่นขนัดสนามหนองกระทิง ผมมองเห็นรอยยิ้ม ความมั่นใจในสายตาของสาวกราชันโคขาวทุกคน เพราะอะไรส่วนหนึ่งเพราะฟอร์มที่เราเห็นนัดเจอกับราชบุรีมิตรผล เอฟซี ที่เล่นได้เป็นระบบและนิ่งในการควบคุมเกมส์ทำให้หลายคนมั่นใจว่าจะไม่แพใน นัดนี้ นั่นรวมถึงผมด้วย
....นัดนี้ผมไปถึงสนามช้ากว่าปกตอเพราะด้วยภาระกิจที่รัดตัวทำให้ผมต้องออก เดินทางไปสนามในเวลาเกือบจะ 5 โมงเย็น และถึงสนามเกมส์เกือบจะเริ่มพอดี สิ่งที่ผมเห็นแล้วไม่เข้าใจมีอยู่หลายประเด็นด้วยกันประเด็นแรกที่ผมมองว่า เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราแพ้หลุดหลุ่ยนัดนี้คือการเลือกใช้นักเตะและการกำ หนดแท็คติกภายในเกมส์ มองไปที่ 11 คนแรกก่อน ต้องยอมรับว่าตัวเลือกเราจำกัดทั้งแบ็คซ้าย แบ็คขวาตัวจิง คือเจ้าบอย เจ้าตั้ม เจ้าปัว ต่างพากันหายไปหมดหลายนัดแล้ว ซึ่งข่าวมาว่าอยู่ระหว่างการลงโทษแบนออกจากทีมในเรื่องของความประพฤติ อันนี้ตัดไป พอรับได้ เพราะเราก็เล่นโดยไม่มี 3 คนนี้ตั้งแต่หลังปีใหม่แล้ว แต่ 11 คนแรกนั่นผมไม่ค่อยถูกใจแล้วไม่เห็นด้วย อันดับแรกประตู ที่ใช้ผู้รักษาประตูต่างชาติ โจอี้ ในเรื่องนี้เราเคยคุยกันในทีมงานถ่ายทอดสดว่าการใช้ประตูต่างชาติเป็นการมัด ตัวตนเองทำให้แก้เกมส์ยากมาก เพราะกฎห้ามใช้นักเตะต่างชาติเกิน 3 คน มันค้ำอยู่ 2 คนต่างชาติที่เป็นตัวยืนคือ ตูเร่ กับ เมนซ่า พอเราเติมประตูเข้าไปเลยกลายเป็น 3 ที่นี้มันเสียดายตรงที่เรามีกลางที่น่าจะมีประโยชน์ต่อทีมเราในการเล่นเป็น ทีมเยือนนั่นก็คือ เอโดตาดุส อันนัน กลางผิวสีที่ผมมองว่าน่าจะมีประโยชน์ในการที่จะให้เขาอยู่ในแดนกลางเพื่อ สกรีนกลางของลำปาง ที่แต่ละคนคล่องและหาที่ว่างดีมาก
...แต่พอประตูเป็นโจอี้ผมเลยอุทานในทีมงานถ่ายทอดสดว่าจบเห่เลย ท่านผู้อ่านทุกท่านลองเปรียบเทียบดูก็ได้ระหว่าเจ้าเบสประตูคนไทยกับ โจอี้ ประตูผิวสี ผมว่ามาตรฐานไม่แตกต่างกันเลย ไม่ทิ้งห่างกันไปไหน โจอี้ปฏิกิริยาดีจริง แต่ลูกกลางอากาศและการออกบอลก็ไม่ได้เรื่อง ส่วนเจ้าเบสผมมองว่ามั่นคงกว่าโจอี้ แต่ผมอาจเห็นเฉพาะตอนเล่นก็ได้ ซ้อมโจอี้อาจซ้อมได้ดี แต่ว่าถ้าวัดจากมาตรฐานการเล่นมาเกือบครึ่งฤดูกาลผมขอเลือกประตูคนไทยดีกว่า
...ประเด็นแท็คติกการเล่นนัดนี้เรามาในระบบ 4-2-3-1 ประตูโจอี้ หลัง 4 คน ไล่จากซ้ายไปขวาเป็น พงศกร ตาคำ ตูเร่ สุไลมาน ฐิติศักดิ์ การุณกรณ์ อภิชาติ สุกรินทร์ กลางรับสองคนเป็น ณัฐพล เจริฐพร กับ ปานเทพ โชติกวิน แนวรุกด้านซ้ายใช้ สุดนที ณ.เชียงใหม่ ขวา วิดเตอร์ เมนซ่า หน้าต่ำเป็น ศุภกิจ จินะใจ หน้าเป้าวาง นพพร สืบปรุ ไว้พักบอล เก็บบอล แท็คติกนี้มองดูเข้าท่า แต่ในความคิดผมคืออาจหลวมไปหน่อย นพพร ที่หายไปหลายนัดแทบไม่มีประโยชน์ในแดนหน้า พักบอลเล่นไม่ได้เลย โดนรุมแซะรุมกินโต๊ะตลอดเวลา ที่ลูกมาถึงเขา ขณะที่แนวรุก 3 ตัวนั้นก็แทบจะไม่ได้ใช้ประโยชน์เลย โคชแม็ก อาทิตย์ อ่อนคำ อ่านขาดจริงๆปิดเกมส์รุกเราได้อย่างหมดจดเหลือเกิน สิ่งที่ผมอยากพูดถึงอีกด้านคือฟอร์มของกองหน้าตัวความหวังอย่าง วิคเตอร์ เมนซ่า ที่นับจนถึงบัดนี้มันยังไม่ยิงประตูในลีก ดิวิชั่น 2 เลย เล่นยิงแต่ในโตโยต้า ลีกคัพ อย่างเดียว ดรีกรีอดีตนักเตะบุรีรัมย์ เอฟซี ไม่ได้ช่วยอะไรเลยจริงๆ ยิงไม่ได้ผมจะไม่ว่าเลยถ้าเขาสวมวิญญาณจอมแอสซิส เปิดป้อนบอลให้เพื่อน แต่อนิจจาอย่าว่าแต่แอสซิสเลยครับ จ่ายบอลง่ายๆก็พลาดแบบไม่น่าเชื่อ ยืนหน้าเป้าก็กระโดกกระเดกเหลือเกิน ให้มาทำเกมส์ด้านข้างก็เลี้ยงไม่ผ่านกองหลังสักที ผมละเหนื่อยหน่ายกับเขาเหลือเกิน นับว่าเป็นการซื้อที่ล้มเหลวเอามากๆประมาณเดียวกับ เชลซี หลับหูหลับตาซื้อ เฟอร์นันโด ตอเรส อย่างไงอย่างงั้น ล้มเหลวไม่เป็นท่า ไม่น่าเชื่อว่านี่คือนักเตะระดับค่าเหนื่อยแนวหน้าของทีม......เห็น วิคเตอร์ เมนซ่า เล่นแล้ว นึกเสียดาย โมฮัมเหม็ด เดียง หรือ มุสตาฟา ขึ้นมาตะหงิดๆ อย่างน้อยมันก็ยังจับบอลดีกว่าและเลี้ยงบอลผ่านกองหลังได้ดีกว่า เมนซ่า จริงๆให้ตายเถอะ
....ส่วนการปรับเปลี่ยนแท็คติกระหว่างเกมส์ก็ทำผมงงอีกว่าตกลงอย่างไรกันแน่ ตอนพักครึ่งนักเตะเราไม่ได้เข้าไปในห้องพักนั่งติวกันด้านนอก ผมเห็นแล้วแทบตกใจ ไม่ใช่ว่าตกใจเรื่องของนักเตะที่ไม่ได้เข้าห้องแต่งตัวหรอกครับ แต่ตกใจตรงที่ ทำไมมีคนสอนแผนการเล่นเยอะเหลือเกิน เห็นคนถือกระดานวางแท็คติกไม่ต่ำ 3 คน ยังไม่พอครับ ระหว่างเปลี่ยนกันถือกระดานวางแท็คติก ยังมีคนแอบมาสอนนักเตะข้างๆอีกคน ผมพยายามทำความเข้าใจว่า อ๋อ มีนสอน 4 คน แบ่งกันคนละตำแหน่ง สอนประตู 1 คน กองหลัง 1 คน กลาง 1 คน หน้า 1 คน มิหน้าหละนักเตะเราถึงประสานงานกันได้อย่างลงตัว คนละที่คนละทางกันไปเลย แบบนี้ถ้าผมเป็นนักเตะก็อาจงงเต็กตั้งแต่นั้นละครับว่า " ตกลงกูควรฟังใคร " หรือไม่ตูก็ควรเชื่อมั่นในตนเองดีกว่า ดูไปดูมาเหมือน่านักเตะจะเลือกเชื่อตัวเองมากกว่านะครับ...เห็นเล่นแบบทาง ใครทางมันซะขนาดนั้น
...เห็นการแก้เกมส์วันเยือนลำปางแล้วผมก็แทบจะลมจับ เข้าใจว่าตัวเลือกจำกัด แต่อย่างที่ผมบอกไปว่าการใช้โจอี้ ทำให้การเปลี่ยนตัวนั้นยาก การปรับเกมส์โดยส่ง รุ่งรัตน์ ภูมิจันทึก มาหลังผ่าน 35 นาทีไปเป็นสิ่งที่ต้องทำ ผมเข้าใจได้ เพราะเกมส์รุกเราต่อไม่ติดเลย แต่การให้รุ่งรัตน์วิ่งเจาะด้านขวาอาจไม่เป็นประโยชน์เพราะแบ็คซ้ายลำปางสปี ดความเร็วไม่ได้ด้วยเลย น่าจะวิ่งทางขวามากกว่าเพราะดูยังไงภาคภูมิ วงศ์ประเสริฐ อดีตนักเตะเราไม่น่าจะเอาอยู่ เพราะโดยมาตรฐานเขาโฉ่งฉ่างพอสมควร หลายคนอาจบอกว่าจบเกมส์แล้วเขียนอย่างไร พูดอะไรก็ได้ แต่ของแบบนี้อยู่ที่การทำการบ้านมากกว่า
...ตัวสำรองคนที่สองเลือกคณิน ตุ่นกันทา ลงเล่นแทนนพพร สืบปรุ ที่เล่นไม่ออกเลย ผลิกบอลไม่ได้ จัดการปรับให้ เมนซ่า มายืนหน้า คณิน ซ้าย รุ่งรัตน์ขวา นี่ก็ทำตามความรู้สึกที่ว่าต้องเน้นความเร็วในการเข้าทำ แต่สำรองตัวสุดท้ายแอบงงครับ ท้อ ณัฐพล เจริญพร ออก แล้วส่ง ศราวุธ ลงไปแทนปรับทีมอีกครั้ง หมุน อภิชาติ ไปเล่นแบ็คขวาอีกครั้ง ปานเทพ ลงไปเล่นเซ็นเตอร์คู่กับตูเร่ สุดนที ที่เล่นแบ็คขวาตั้งแต่ปลาครึ่งแรก มาเล่นกลางคู่กับ ศราวุธ แดนหน้าเหมือนเดิม บรรลัยซิครับ ไม่มีกลางธรรมชาติสักคน เหลือแต่แนวรุก พอลำปางตัดได้นี่วิ่งต่อบอลกันสนุกเท้าเลยทีเดียว เปลี่ยนปุ๊บ ประตูที่สองมาปั๊บเลย จากลูกฟรีคิก ที่ผมมองว่าโจอี้ มีส่วนต้องรับผิดชอบในความผิดพลาดนี้ด้วยที่ไม่สามารถที่จะปัดหรือทำอะไรสัก อย่างที่จะไม่ให้อลพุ่งเข้าประตูแบบนั้น ทั้งๆที่วิถีบอลก็ไม่ได้อันตรายจนสุดปัญญาขนาดนั้น
...พอโดน 2 - 0 ไปแล้ว พร้อมกับตัวที่เหลืออยู่แทบเป็นไปไม่ได้ว่าเราจะกลับมา กลายเป็นว่าเราเล่นในแผน 4 - 0 - 6 เพราะกลางธรรมชาติเราออกไปหมดแล้ว เราจึงเห็นแดนกลางของ ลำปาง วิ่งเดินเกมส์กันอย่างเมามัน โดยเฉพาะเจ้าหนุ่มผมยาวเบอร์ 18 เอกพันธุ์ ศรสิทธิ์ ที่จัดการบงการเกมส์ได้อย่างหมดจดทั้งการรับและรุกที่เล่นได้เนียนตามาก ผมเห็นลำปาง เอฟซี ทีมนี้เล่นแล้วต้องขอชื่นชมด้วยใจจริงว่า นี่คือทีมในอุดมคติของบอลลีกจริงๆ เป็นทีมพลังหนุ่มที่เล่นกันเป็นทีม ยืนอยู่ด้วยระบบจริงๆเล่นง่ายๆ เห็นแล้วให้ ให้แล้วไป ขยับหาช่องตลอด แนวรุกก็ตามช่องตามจังหวะไป บอลถึงเส้นหลังหักเข้ากลาง คนหนึ่งวิ่งโฉบเสาแรก กลางเติมมายิงแถวสอง โอ้มีดาบหนึ่งดาบสองรอดยากจริงๆ นี่คือระบบที่ผมอยากเห็นที่ลำพูน วอริเออร์ ซึ่งผมไม่รู้ว่าเราจะได้เห็นมันไหม ในเมื่อเรายังคิดแบบเดิม ย่ำอยู่กับที่ แม้บางทีจะก้าวเดินแต่ก็เหมือนก้าว 1 ก้าว ถอยหลัง 3 ก้าวอยู่ร่ำไป แล้วอะไรคือความผิดพลาดละ เราพลาดตรงไหน นี่คือปัญหาที่น่าคิด ประสบการณ์ปีที่แล้วไม่ได้ช่วยอะไรเลยใช่ไหม แล้วเราจะทำอย่างไรเพื่อกอบกู้ศรัทธาให้กลับคืนมา
....มีนักเตะคนหนึ่งโพสต์ว่า " จงอย่าสูญสิ้นศรัทธาจากเรา เราจะทำเพื่อพวกคุณ " ซึ่งผมก็ไปตอบมาแล้วว่า " เราจะศรัทธาในสิ่งที่คุณทำ " ผมไม่เคยสูญสิ้นศรัทธาจากฟุตบอล บางครั้งอาจจะออกอาการหมดอาลัย ท้อแท้ใจไปบ้าง แต่เมื่อถึงเวลาก็ยังตามเชียร์กันเหมือนเดิม ซึ่งผมก็คิดว่าเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของเราหลายคนก็เป็นเช่นนั้น แต่ว่าในทุกๆสิ่งย่อมมีข้อจำกัดในตัวของมันเอง มีภาพหนึ่งที่แฟนบอลท่านหนึ่งนำมาเปรียบเทียบความพร้อมของทีมระหว่างลำพูน กับลำปาง เห็นชัดเจนเลยว่าเราไม่พร้อมจริงๆ ถ้าท่านเห็นในภาพจะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ทีมหรือสต๊าฟโค้ช ลำปางจะใส่ใจในทุกรายละเอียดทุกตำแหน่ง เรียกว่ามีถึง 5 - 6 คนที่ยืนติว เตรียมความพร้อมกัน ภายใต้แผนงานของโค้ชใหญ่คือ อาทิตย์ อ่อนคำ แต่หันมามองเรากลับมีแค่ 2 คน ที่คนหนึ่งติวผู้รักษาประตู ขณะที่โค้ชต้นเฉลิมพล ต้องดูแลทั้งหมด ถึงขนาดต้องตั้งวางอุปกรณ์กันเอง แต่ไหงทำไมพักครึ่งถึงมีคนที่รู้และแก้เกมส์กันกลายคนเหลือเกิน นี่เป็นจุดหนึ่งที่ผมมองว่าระบบของเราไม่ดีพอ ซึ่งมันมาจากการบริหารงานที่ไม่เป็นมืออาชีพ ระบบเฮดหนือเฮดโค้ช มันยังมีอยู่ ระบบนี้อาจใช้ได้กับเนวิน ชิดชอบ แต่อาจไม่ใช่กับลำพูน เพราะดูแล้วยังไงก็ไม่เวิร์ค ฟุตบอลปัจจุบันนี้แค่มั่นใจว่าทำได้ไม่ได้หมายว่าคุณทำแล้วจะดี แต่มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ที่ต้องผ่านการฝึกฝนที่ถูกต้องทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ แล้วอยู่ที่โค้ชจะนำมาประยุกต์ใช้
....ขอเถอะครับต่อไป ถ้าท่านจะนำเข้าโค้ชคนใหม่สมควรใส่ใจปัญหานี้ ญาติพี่น้อง เด็กท่านหลานเธอ ช่วยเอาออกไปจากม้านั่งสำรองเถอะครับ สมควรปล่อยเป็นหน้าที่ของสต๊าฟโค้ชที่ทำงานกันเป็นจริงๆ มาช่วยกันจะดีกว่า ทุกวันนี้ผมเห็นว่ามันเยอะเกิน ถึงขนาดผู้ควบคุมการแข่งขันต้องมาบอกว่ามากไป แล้วที่มากนั้นนะไม่ได้ช่วยอะไร ว่าไปที่นั่ง วีไอพี ก็นั่งสบายนะครับ จิบเบียร์เชียร์อลไป ลงไปมากก็สอนหลายคนนักเตะมันงงเปล่าๆ
...ช่วยกันเถอะครับ ช่วยกันรื้อระบบที่มันไม่อำนวยต่อการพัฒนาเถอะ ผมเข้าใจว่าท่านเหล่านนั้นที่ไปนั่งซุ้มม้านั่งนั่นก็มีความปราถนาดีที่จะไป ช่วยในการดูแลนักเตะ ช่วยเสนอแนะแนวทาง วิธีการเล่นเพื่อให้ทีมประสบความสำเร็จ ส่วนนี้ผมมองเห็นความหวังดีของท่านครับ แต่ผมเห็นว่ามันจะดีกว่านั้นถ้าหากเราปล่อยให้โค้ชได้ทำหน้าที่ของตน เองอย่างเต็มที่ ทั้งการวางแท็คติก คัดเลือกนักเตะและการแก้เกมส์ ถ้าผลงานออกมาดีเขาก็รับไป ถ้ามันไม่ดีสต๊าฟโค้ชก็รับไปจะได้ไม่ตำหนิผิดฝาผิดตัว ทุกวันนี้ดูเหมือนมั่วไปหมด ใครอยากแก้เกมส์แบบใด ก็เรียกโค้ชไปสั่ง สั่งแล้วก็สั่ง ผมนั่งมองภาพแล้วมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่เชื่อท่านลองสังเกตดูได้เลยในนัดต่อๆไป
...ภาพที่ผมมองไว้แล้วผมก็เขียนไปแล้วว่าเราต้องจัดการให้เข้าระบบอาชีพให้ เต็มตัว วางระบบให้ถูกต้อง ทุกคนเข้าใจในบทบาทของตนเอง มีแนวทางขอบข่ายการทำงานที่ชัดเจน ใครรับผิดชอบหน้าที่ใดทำกันไป โค้ชคุมซ้อม วางแท็คติก กำหนดบทบาททีม แก้เกมส์ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่เขา ผู้จัดการทีม ผู้อำนวยการสโมสรต้องสนับสนุนโค้ชเต็มที่ ในเมื่อเรามอบความไว้วางใจให้กับเขาแล้วต้องให้เต็มที่ นักเตะคนไหนเกเร คนไหนออกนอกลู่นอกทาง แข็งข้อกับโค้ชคนนั้นควรจัดการ ถ้าปล่อยให้นักเตะใหญ่กว่าโค้ช มีอิทธิพลมากกว่าสโมสรแล้วจบเห่ครับ บรรลัยทันที ถึงเวลาท่านต้องเลือละว่าจะทำแบบไหน ผมเชื่อในความปราถนาดีของท่าน แต่ท่านอาจกำลังหลงทางใช้ความปราถนาดีของท่านไปในทางที่ผิด แล้วผมก็หวังว่าท่านจะกลับมาได้ถูกทาง...ผมยังมองเห็นแสงสว่างที่ปลาย อุโมงค์...แม้มันจะน้อยนิดก็ตาม
...เราแพ้ลำปาง ผมยอมรับได้ แต่เราแพ้แบบไม่ได้ลุ้นเลยเป็นสิ่งที่เกินทน แต่เราก็ต้องทนเพื่ออยู่กับมันให้ได้ ผมเชื่อว่าทุกคนอยู่ได้ วันนี้พรุ่งนี้ก็อาจจางหาย แต่ผมก็ไม่อยากเห็นภาพเดิมๆอีกที่แพ้แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมแค่หวังว่ามันจะได้รับการแก้ไข ในทางที่ถูกที่ควร อะไรที่มันเป็นความเคยชิน ไม่ถูกไม่ควรจะต้องปรับเปลี่ยน อยู่ที่ท่านจะกล้าเปลี่ยนหรือไม่ ถ้าท่านกล้าท่านอาจกลายเป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้ก็เป็นได้ ทำอะไรสักอย่างเถอะครับจะทำอะไรก็ทำซะก่อนที่ศรัทธาจะสูญสิ้น เมื่อมันสูญสิ้นไปแล้ว มันจะมาเหลืออะไรให้ชื่นชม ฝากถึงนักเตะทุกคน ผมเชื่อว่าทุกนมีดี แต่ขอเถอะช่วยแสดงออกมาให้เต็มที่ทุกๆนัด อย่าเป็นราชันโคขาวแต่ในบ้าน ออกนอกบ้านที่ไรเป็นราชันโคขุนโพนยางคำ เนื้อนุ่มหอมหวานกรุ๊ปกริ่มทุกที ช่วยกันเถอะครับ ช่วยกันรวมพลังอีกสักครั้ง ถ้าพวกคุณทำเพื่อเรา เราทุกคนกพร้อมจะทำเพื่อพวกคุณ ถึงตอนนี้ใจเท่านั้นแหละครับที่จะเอาออกมาแลกกันดู ใจเท่านั้นแหละครับที่จะช่วยให้วิกฤตนี้ผ่านไปได้ ....ผมอยากจะบอกนักเตะทุกคนว่า ...." พวกเราไม่เคยสูญสิ้นศรัทธาในตัวพวกคุณ แต่ผมจะศรัทธาในสิ่งที่พวกคุณทำครับ "... ...สวัสดี
อักษราพัฒน์ 13 / 5 / 56
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น